เจอร์เก้น คล็อปป์ กับคำสัญญาว่าจะทำให้หงส์แดงผงาดอย่างที่ไม่เคยปรากฎ

ลิเวอร์พูล ก้าวเข้าสู่การเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ แม้ว่าพรีเมียร์ลีกจะยังไปจบฤดูกาลแข่งเลยก็ตาม นี่คือความสำเร็จที่นักเตะและแฟนหงส์แดงทั่วโลกต่างรอคอยวันนี้กันมาอย่างยาวนาน ซึ่งงานนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้เลยที่จะต้องยกเครดิตความดีความชอบนี้ให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือผู้เป็นนายใหญ่ของทีม ซึ่งเขาถือเป็นผู้จัดการทีมที่ทำให้ทีมฟุตบอลสามารถคว้าแชมป์ได้เร็วที่สุดคนหนึ่ง เพราะการแข่งของพรีเมียร์ลีกยังเหลืออีกตั้ง 7 เกม แต่นั่นก็ไม่มีผลอะไรเลยเพราะลิเวอร์พูลก็คว้าถ้วยไปครองอย่างสง่างามแล้ว

แค่ 4 ปีกับความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ของทีมหงส์แดง

ย้อนกลับไปปี 2015 นั่นเป็นปีแรกที่เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้รับการชักชวนให้เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้นำคนใหม่ของหงส์แดง ซึ่งเป็นการรับช่วงต่อจากเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ซึ่งทำผลงานไม่ได้น่าประทับใจแฟนบอลหงส์แดงเลย เพราะตอนนั้น ผลงานของลิเวอร์พูลก็ดูจะแย่เอามาก ๆ เพราะทีมรั้งอันดับ 10 ในตาราง การที่เจอร์เก้น คล็อปป์เข้ามาในช่วงนั้นจึงถือว่าเป็นการเข้ามากอบกู้ทีม สิ่งหนึ่งที่เป็นคำพูดของเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เชื่อว่าแฟนฟุตบอลลิเวอร์พูลจะต้องจดจำกันไปอีกนานและจะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของสโมสรหงส์แดงเลยก็คือ บทสัมภาษณ์ที่กุนซือผู้นี้ให้ไว้กับสื่อ เสมือนเป็นคำมั่นสัญญาที่เขาสัญญาไว้กับแฟน ๆ หงส์แดงว่า

“ได้โปรดให้เวลาพวกเราอีกสักนิด ผมมั่นใจว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า เราจะมาพบกันตรงนี้อีกครั้ง แต่วันนั้น จะเป็นวันที่ยิ่งใหญ่กว่าวันนี้ เพราะจะเป็นวันที่ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จได้คว้าแชมป์ แต่ถ้าหากวันนั้นไม่เกิดขึ้น ผมก็คงได้ไปคุมทีมลีกสักแห่งในสวิตเซอร์แลนด์”

น้ำตาของความอิ่มเอม

แม้จะไม่ใช่คำมั่นสัญญาที่ชัดเจนอะไร หรือให้ความมั่นใจได้มากมาย แต่ก็เป็นคำกล่าวที่สร้างความหวังให้กับแฟน ๆ หงส์แดงได้ไม่น้อย และในที่สุดแล้วเจอร์เก้น คล็อปป์ก็ทำตามที่เขาได้ลั่นวาจาไว้สำเร็จ จึงทำให้ช่วงเวลานี้กลายเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษของทีมลิเวอร์พูลและของแฟน ๆ ลิเวอร์พูลทั่วโลก ในส่วนเจอร์เก้น คล็อปป์ได้ถูกระดมคำถามมากมายจากสื่อเข้ามาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาแทบจะไม่มีคำกล่าวหรือบทสัมภาษณ์ใด ๆ นอกเสียจากน้ำตาแห่งความอิ่มเอม เขากล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “ขอให้ทุกคนฉลองกันอยู่แต่ที่บ้าน เพราะสถานการณ์ไวรัสยังไม่จางหาย แต่ผมก็รอ รอวันที่ผมจะได้ฉลองกับพวกคุณทุกคนอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดอีกครั้ง”

นี่เป็นความสำเร็จและผลงานที่น่าประทับใจมากสำหรับกุนซือคนนี้ สงครามไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนก็ตาม จะอาศัยนักรบที่เก่งอย่างเดียวไม่ได้จำเป็นจะต้องมีกุนซือที่ดี ที่จะคอยแนะนำแผนการกลยุทธ์และการจัดทัพให้ดีด้วย เหมือนอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ คนนี้ยังไงล่ะ