5 ความลับของนักกีฬาซูโม่ ที่อาจทำคุณทึ่งเมื่อได้รู้

มวยปล้ำแบบญี่ปุ่นหรือซูโม่เป็นอีกหนึ่งกีฬาประจำชาติที่ชาวอาทิตย์อุทัยภาคภูมิใจ ในสังคมญี่ปุ่นนักกีฬาซูโม่เป็นเสมือนฮีโร่ของสังคม พวกเขาได้รับการยกย่อง มีเกียรติ และเป็นตัวแทนของความเป็นชายในหลาย ๆ บริบท ทว่าการจะได้เป็นนักกีฬาซูโม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เกมการปล้ำของคนยักษ์ที่จบบนโดเฮียวภายในไม่กี่วินาทีนั้น กลับต้องมีการเตรียมตัวหลายสิบปี และทุกอย่างล้วนเป็นความลับ ไม่ว่าจะเป็นสูตรอาหารเพิ่มพลัง เคล็ดลับการฝึกฝน รวมถึงความเป็นอยู่ของนักกีฬา แน่นอนเคล็ดลับในกีฬาเหล่านี้ไม่ค่อยแพร่งพรายสู่โลกภายนอกมากนัก แต่เท่าที่เรารู้และนำมาเปิดเผยได้ก็เป็นความลับที่อาจทำให้ทุกคนทึ่งได้เหมือนกัน

ห้ามซักผ้าเตี่ยว มาวาชิหรือผ้าเตี่ยวเป็นอาภรณ์เดียวที่ปกป้องไม่ให้กีฬาชนิดนี้อุจาดตา และนักกีฬาแทบทุกคนจะไม่ซักมาวาชิ เพราะความเชื่อเรื่องโชคว่ามาวาชิที่เปื้อนเหงื่อจากความพยายามจะนำมาซึ่งชัยชนะ อีกข้อคือผ้าที่นำมาทำนั้นค่อนข้างกระด้าง หากซักแล้วจะคลายตัวและอาจทำให้หลุดได้ ซึ่งเมื่อผ้าเตี่ยวหลุดนักกีฬาคนนั้นจะถูกปรับแพ้ทันที

กินกับนอน นักกีฬาซูโม่ห้ามกินอาหารมื้อเช้า และจะถูกบังคับให้กินอาหารแคลอรี่สูงในมื้อกลางวันและเย็นเท่านั้น ถึงแม้จะเบื่ออาหารหรืออิ่มจนจุกแต่ก็ต้องกินให้หมด นับสิบปีอาหารก็จะมีแต่เมนูซ้ำ ๆ อย่างเช่น จังโกะนาเบะหรือหม้อไฟญี่ปุ่น กับอีกไม่กี่เมนูเท่านั้น แถมเมื่อกินจนอิ่มนักกีฬาเหล่านี้จะถูกสั่งให้นอนกลางวัน เพื่อสร้างร่างกายให้ใหญ่โตอีกด้วย

เครื่องช่วยหายใจ ด้วยร่างกายที่อ้วนฉุ อวัยวะภายในหลายอย่างถูกกล้ามเนื้อและไขมันที่มีน้ำหนักมากกดทับนั กกีฬาซูโม่หลายคนจึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอด โดยเฉพาะตอนนอนหลับ และนี่คือหนึ่งในความทุกข์ทรมานที่สุดที่ทำให้นักกีฬาหลายคนไปต่อไม่ไหวจนต้องเลิกเล่นกีฬาประเภทนี้

กฏอันสุดโต่ง สำนักข่าว BBC รายงานเมื่อปี 2017 ว่ากฎหนึ่งของวงการซูโม่ที่ถือเป็นข้อกำหนดอันสุดโต่งคือ ครูฝึกรวมทั้งนักซูโม่รุ่นพี่ สามารถสั่งสอนรุ่นน้องหรือซูโม่รุ่นเยาว์ด้วยกำลังได้ ในญี่ปุ่นจึงมีข่าวซุบซิบอยู่ตลอดว่ามีนักซูโม่บาดเจ็บ พิการ รวมถึงเสียชีวิตจากการถูกกระทำด้วยกำลัง น่าตกใจกว่านั้นคือหากไม่ปรากฏเป็นข่าวดัง ผู้เกี่ยวข้องระดับประเทศจะช่วยกันปิดข่าวให้เงียบอีกด้วย

คะวะอิกะริ BBC เจ้าเดิมรายงานอีกว่า ‘ความเมตตากรุณา’ หรือ ‘คะวะอิกะริ’ ในความหมายของซูโม่คือการถูกเฆี่ยนตีโดยครูฝึก นักกีฬาซูโม่หลายคนได้รับความเมตตากรุณาแต่ละครั้งเกินกว่าสามสิบนาทีจนร่างกายบอบช้ำ สภาพจิตใจย่ำแย่ หนักสุดคือมีเคสหนึ่งตาบอด ปรากฏเป็นข่าวดังในญี่ปุ่นและครูฝึกต้องจ่ายเงินชดเชยกว่า 32.4 ล้านปอนด์ แต่กระนั้นนักซูโม่ส่วนใหญ่ก็ยังมองว่าคะวะอิกะริจำเป็นต่อวงการซูโม่ และพวกเขายังยินดีที่ต้องถูกเฆี่ยนตีต่อไป

ทั้งหมดที่เรากล่าวมาเป็นความลับเพียงเสี้ยวหนึ่งของกีฬาซูโม่เท่านั้น ยังมีความลับในศาสตร์กีฬาประเภทนี้อีกมากที่ไม่ได้ปรากฏต่อสาธารณชน และยิ่งขุดลึกศึกษาเท่าไรเราก็จะได้ทราบว่าซูโม่ไม่ใช่เพียงกีฬาที่เอาคนตัวใหญ่ ๆ มาผลักกันบนสังเวียนเท่านั้น แต่มันหมายถึงจิตวิญาณ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ที่มีความหมายในแบบญี่ปุ่นอย่างแท้จริง นักกีฬาซูโม่จึงยอมทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และทุกสิ่งที่พวกเขามีเพื่อรักษากีฬาชนิดนี้ให้คงอยู่บนแผ่นดินญี่ปุ่นตราบนานเท่านาน