
Updated on October 25, 2020
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนบุกป่า รู้วิธีการเตรียมความพร้อมก่อนไปท่องเที่ยวป่าเขา
ประเทศไทยเรายังคงมีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์อยู่ไม่น้อย แต่ถ้าเทียบกับเมื่อสมัยก่อนแล้ว ก็ต้องบอกว่าลดลงไปจากในสมัยก่อนมาก วันนี้ป่าเขาพื้นที่สีเขียวของไทยเราค่อย ๆ หายไป เพราะมนุษย์เราเข้าไปทำลาย แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่เราตื่นตัวกันเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติกันมากขึ้น ทำให้เราสามารถทวงคืนธรรมชาติอันสมบูรณ์กลับมาได้ส่วนหนึ่ง ในตอนนี้การเที่ยวชมธรรมชาติกลางป่าเขา และเขตอุทยานธรรมชาติต่าง ๆ ก็กำลังได้รับความนิยม เพราะการเที่ยวป่า เที่ยวเขานั้นถือเป็นการท่องเที่ยวที่ Adventure อย่างหนึ่ง และ ในขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยสร้างจิตสำนึกให้คนรักธรรมชาติมากขึ้นด้วย สำหรับใครที่ไม่เคยท่องเที่ยวในแนวนี้เลย แต่มีโอกาสจะได้ไปในเร็ว ๆ นี้ลองมาดูกันดีกว่าว่า ก่อนจะไปเที่ยวป่าควรจะต้องเตรียมตัวอย่างไร และต้องมีการเตรียมอุปกรณ์อะไรกันบ้าง
เตรียมความพร้อมส่วนตัวก่อนไปเที่ยวป่า
การท่องเที่ยวป่าเขานั้นคุณต้องเข้าใจก่อนว่าจะเป็นการเดินทางที่นำคุณกลับไปสู่พื้นฐานความเป็นธรรมชาติจริง ๆ ฉะนั้น จะไม่มีความสะดวกสบายสักเท่าไหร่ การเตรียมการต่าง ๆ จึงต้องละเอียดรอบคอบกันสักหน่อย และสิ่งที่จะต้องเตรียมความพร้อมไว้มีดังนี้
- ศึกษาสถานที่และเส้นทาง – การไปเที่ยวป่าเขาในปัจจุบันนั้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยาน ซึ่งแม้ว่าเวลาเดินทางไปนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานดูแลแนะนำเราอยู่ก็ตาม แต่เราเองก็ต้องศึกษาสถานที่และเส้นทางที่เราจะไปก่อน เพราะบางครั้งเส้นทางอาจต้องเดินเท้า และต้องใช้กำลังร่างกายหนักมาก หากสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงก็ควรจะหลีกเลี่ยง การรู้จักสถานที่และเส้นทางไว้ก่อนจึงจะดีที่สุด
- เตรียมเรื่องการแต่งกาย – การจะไปเดินป่าเสื้อผ้าชุดที่จะสวมใส่ควรเป็นชุดที่สบาย ๆ คล่องตัว และสีที่ใช้ก็ควรเลือกโทนที่กลมกลืนกับธรรมชาติ เสื้อกางเกงควรเลือกแบบแขนยาว เพื่อป้องแมลงหรือสัตว์มีพิษ เนื้อผ้าควรเลือกแบบซับน้ำได้ดีและระบายอากาศได้ดี มีหมวกเอาไว้กันแดดกันแมลง รองเท้าก็ควรเลือกแบบที่ส้นหน้าแข็งแรง และสวมใส่ได้พอดีไม่คับมากและไม่หลวมมากไป
- เตรียมเรื่องอุปกรณ์– ในส่วนของอุปกรณ์เดินป่านั้นแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันออกไป แต่โดยหลัก ๆ แล้ว ที่จะต้องเตรียมก็จะมี เป้หลัง เปลสนาม ถุงนอน เต็นท์ ไฟฉาย กระติกน้ำ ชุดยาสามัญ หม้อสนาม ฯลฯ
เตรียมความพร้อมในการเดินป่า
หลังจากเตรียมร่างกาย เสื้อผ้า อุปกรณ์ส่วนตัวสำหรับการท่องเที่ยวเดินป่าส่วนตัวแล้ว ทีนี้ก็มาถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินป่าแบบหมู่คณะจริง ๆ ซึ่งเวลาเดินป่าจริง ๆ คุณควรจะต้อง
- เดินอย่างออมกำลังให้เป็น อย่างรีบเดินเพราะเดี๋ยวจะไปต่อไม่ไหวและกลายเป็นจุดอ่อนของทีม
- ฝึกปรับสายตาให้คุ้นชินกับสถาพแวดล้อมรอบข้างให้เร็ว
- ระหว่างเดินต้องพยายามไม่คุย ไม่ส่งเสียงดัง นอกจากจะไม่ทำให้สัตว์ป่าตื่นตกใจกลัวแล้ว ยังทำให้เราเหนื่อยช้าลงด้วย
- การเดินพยายามเดินเรียงแถว เป็นแถวเรียงเดี่ยว ทิ้งระยะให้ห่างกันพอสมควร แต่ต้องให้อยู่ในระยะที่สายตาพอมองเห็นกันตลอด
การเดินป่าแบบนี้ใครไม่เคยเดินเลย ก็อาจจะต้องมีการฝึกฝนเตรียมความพร้อมกันก่อน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าหน้าที่อุทยานจะให้คำแนะนำเราก่อนอยู่แล้ว เพียงเราเตรียมตัวเราให้พร้อมจริง ๆ ทำตามคำแนะนำและคำเตือนของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ก็จะเดินทางท่องเที่ยวป่าได้อย่างสนุกและปลอดภัยแล้ว
ทั้งหมดนี้คือวิธีการเตรียมตัวก่อนเดินทางท่องเที่ยวป่าเขา รู้วิธีการแล้วก็เตรียมฟิตร่างกายและจัดหาอุปกรณ์กันให้พร้อมจากนั้นออกลุยกันได้เลย

Updated on October 25, 2020
เทคนิคเยี่ยม ๆ ที่จะช่วยให้คุณเที่ยวคนเดียวแบบสบาย ๆ ไม่ต้องวุ่นวายใจ
การเดินทางท่องเที่ยว หากไปกันเป็นคู่ก็ยิ่งมีความสุข อาจมีทริปท่องเที่ยวอยู่ในความทรงจำมากมาย หรือบางคนอาจจะชอบไปเป็นหมู่คณะกับเพื่อน ๆ ก็ได้ความสนุกสุดฮาไปอีกแบบ แต่ทว่าสำหรับคนที่โสดไม่มีคู่ล่ะจะทำยังดี ถ้าอยากเดินทางท่องเที่ยวให้สนุก เพราะบางทีก็ชวนเพื่อนไปด้วยไม่ได้อีก ก็ต้องเดินทางคนเดียว เราจึงมีเทคนิคเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวมาเอาใจคนโสดสักหน่อย จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันเลย
เทคนิคที่จำเป็นต้องทำ
ในเมื่อเลือกที่จะเดินทางคนเดียวแล้ว ไม่ว่าจะจำใจหรือไม่ก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือ คุณควรจะต้องทำให้ทริปการเดินทางทุกครั้งมีความสุขสำหรับตัวเองให้ได้เสมอ การที่คุณท่องเที่ยวคนเดียวคุณจึงต้องทำสิ่งเหล่านี้
- จุดหมายปลายทางคือที่ไหนก็ตามควรไปให้ถึงตอนกลางวัน – ไม่ว่าคุณจะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม ควรวางแผนการเดินทางให้ดี ให้เผื่อเวลาไปให้ถึงจุดหมายในตอนกลางวัน เนื่องจากว่าถ้าเป็นสถานที่ที่คุณไม่คุ้นเคย ไม่เคยไปบางทีเราอาจหลงทางได้ ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องดีถ้าคุณเกิดหลงทางตอนกลางคืน
- เตรียมสิ่งของทุกสิ่งให้พร้อม – ก่อนออกจากบ้านควรสำรวจกระเป๋าเดินทางให้ดีอีกครั้งว่าคุณเตรียมทุกสิ่งที่จำเป็นลงกระเป๋าเรียบร้อย สิ่งที่จะต้องย้ำคิดย้ำทำในยุคนี้ก็คือ การตรวจสอบอุปกรณ์สื่อสาร และ Gadget ต่าง ๆ พวกสายชาร์จ สายเชื่อมต่อต่าง ๆ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้เราจะลืมง่ายมาก
- อย่าลืมหาข้อมูลเพิ่มก่อนตัดสินใจเดินทาง – ถึงแม้ว่าคุณจะซื้อตั๋วรถ เครื่องบินและจองที่พักไว้แล้วก็ตาม ยังไงก็จะต้องหาข้อมูลถึงสถานที่ที่จะไปให้ดีอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ อ่านรีวิวดูอีกที่ระหว่างเดินทางก็ได้ เมื่อไปถึงที่หมายจะได้รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรไปยังไงต่อ จะได้ไม่เสียเวลา
เทคนิคเสริมการเดินทางคนเดียว
ด้วยเพราะเราไปคนเดียว จึงไม่มีเพื่อนคู่คิด หรือคนที่จะช่วยเราคิดตัดสินใจ ฉะนั้น สิ่งที่คุณควรจะต้องทำต่อไปเพื่อให้เกิดความมั่นใจคือ
- อย่าหลงเชื่อใครง่าย ๆ – โดยเฉพาะเรื่องของการเดินทางบางทีรถรับจ้างอาจจะกำลังโก่งราคาเราอยู่ก็ได้ ลองหาข้อมูลให้ดีก่อนว่า ราคาจริง ๆ ควรจะอยู่ที่เท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นเราอาจถูกคิดราคาแพงกว่าที่ควรจะเป็น
- สวมใส่เสื้อผ้าที่รัดกุมเข้าไว้ – ถ้าคุณเป็นนักเดินทางที่เป็นสุภาพสตรี การสวมใส่เสื้อผ้าเป็นเรื่องสำคัญต้องเลือกให้ดี เพราะเราไปต่างถิ่น ยิ่งถ้าไปต่างประเทศในเขตประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม จะไปไหนก็ควรมีการใช้ผ้าคลุมศีรษะตามธรรมเนียมทางศาสนาเขาไว้ด้วย
- เตรียมช่องทางสำรองไว้บ้าง – เวลาไปไหนแล้วไม่สะดวกใจอย่างที่คิด คุณก็ควรมีการวางแผนสำรองเอาไว้ด้วยว่า หากไปแล้วรู้สึกไม่ปลอดภัย หรือรู้สึกไม่สนุกแล้ว เราจะทำอย่างไร จะปฏิเสธอย่างไร คิดเผื่อไว้ก็ไม่เสียหาย
นี่คือเทคนิคการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว ที่คุณควรรู้เอาไว้ แม้ไม่มีใครไปด้วยก็จะได้ไปอย่างสนุกไม่ลำบากใจ การท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ดีเสมอไม่ว่าจะเที่ยวคนเดียวหรือไปกันหลายคน แต่สิ่งสำคัญก็คือ ไปแล้วต้องปลอดภัยและได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ดีกลับมา ลองดูนะแล้วคุณจะสนุกกับการเที่ยวคนเดียวมากขึ้น

Updated on October 25, 2020
รู้จักไหม Ecotourism การท่องเที่ยงเชิงนิเวศ รูปแบบการท่องเที่ยวที่น่าจับตา
เราทุกคนบนโลกต่างรับรู้ถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในโลกของเรากันเป็นอย่างดี การที่ธรรมชาติถูกทำลายและรบกวนอย่างมากนั้น ส่งผลทำให้เกิดโลกร้อน การเบียดบังทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ อย่างการไปท่องเที่ยวนั้น ก็มีส่วนที่ทำลายระบนิเวศทางธรรมชาติและส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมด้วยเช่นกัน ในปัจจุบันจึงเกิดแนวคิดสร้างสรรค์ จัดเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หรือ Ecotourism ขึ้นมา แล้วรูปแบบการท่องเที่ยวในลักษณะนี้เป็นอย่างไรกันแน่ จะน่าสนใจขนาดไหน ไปติดตามกัน
เที่ยวแบบมีส่วนรับผิดชอบต่อธรรมชาติ
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศนั้น หากจะกล่าวสรุปแบบง่าย ๆ ก็คือ การเที่ยวแบบไม่ทำลายธรรมชาติ ซึ่งอันที่จริงแล้วความหมายของการท่องเที่ยวในลักษณะนี้ครอบคลุมไปตั้งแต่การท่องเที่ยวทั่วไป ที่ไม่ไปรบกวนธรรมชาติ ไม่ทำให้ความงดงามทางธรรมชาติเกิดความเสียหาย ไปจนกระทั่งถึงการไปเที่ยวแบบการปลูกป่า การปล่อยหรือช่วยอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าและสัตว์ทะเลเลยด้วย แต่เราจะสรุปความแบบกระชับก็เอาเป็นว่าเป็นลักษณะของการท่องเที่ยวที่ไม่ทำให้ธรรมชาติเสื่อมโทรมก็แล้วกัน
ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวแบบเดินป่า การศึกษาธรรมชาติ ส่องนก เที่ยวถ้ำ ดำน้ำ หรือแม้กระทั่งการเที่ยวชมแหล่งโบราณสถานในประวัติศาสตร์ หากเที่ยวแล้วไม่รบกวนสถานที่นั้น ๆ และผู้ไปท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อธรรมชาติของสถานที่นั้น ๆ ก็ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศด้วยนั่นเอง
เราต้องทำอะไรบ้างในการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นว่า จริง ๆ แล้วการท่องเที่ยวเชิงนิเวศนั้นจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อน คือ เน้นไม่ไปรบกวนธรรมชาติ แต่เอาเข้าจริงแล้วนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มองข้ามเรื่องนี้ นั่นทำให้เราไปท่องเที่ยวแล้วมักไปรบกวนธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว อย่างการไปเดินป่าดูนก ดูสัตว์ แค่การส่งเสียงดังผิดกาลเทศะ ก็ถือว่าเป็นการทำผิดจากหลักท่องเที่ยวเชิงนิเวศแล้ว หรือไปเที่ยวทะเล การไปหยิบสัตว์น้ำขนาดเล็กที่ลอยตามคลื่นขึ้นมา แล้วเอามาไว้บนฝั่งชายหาดอันนี้ก็ถือว่าเป็นการรบกวนธรรมชาติเช่นกัน ดังนั้น ถ้าจะให้กล่าวว่าท่องเที่ยวเชิงนิเวศเราต้องทำอะไรบ้าง ก็ขอกล่าวอย่างสรุปว่า “ให้เราไปเหมือนไม่ได้ไป” คือเราไปเที่ยวก็จริง แต่ผลกระทบต่อธรรมชาติต้องไม่เกิดขึ้นในทางเสียหาย ต้องอยู่แบบนั้นเช่นเดิม หรือเกิดขึ้นและเป็นไปตามวงจรของมัน เหมือนเราไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้น แบบนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศจริง ๆ
อาจจะดูมีความยุ่งยากอยู่ในตัวอยู่บ้างสำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นแนวทางหรือรูปแบบการท่องเที่ยวที่ดี เพราะเป็นหนึ่งหนทางในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้ไม่ให้ถูกทำลายไปทีละนิด เป็นการช่วยยืดอายุให้กับธรรมชาติบนโลกใบนี้ ทำให้เรายังคงมีธรรมชาติสวย ๆ ไว้ท่องเที่ยวและไว้ชื่นชมต่อไปเรื่อย ๆ สืบไปจนถึงคนรุ่นหลัง ๆ และอันที่จริงถ้าคุณได้ลองเที่ยวแบบนี้ดูสักครั้ง คุณจะรู้ว่ามันไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่หลายคนเข้าใจเลยสักนิด

Updated on September 21, 2020
ไม่ดังถึงขั้นซุป’ตาร์ลูกหนัง แต่รายได้ก็ไม่แพ้ใคร เคล็ดลับรวยเงียบฉบับนักฟุตบอล
หลายคนคิดว่าการเป็นนักกีฬา หรือเป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จ จะต้องโด่งดังก่อนถึงจะมีรายได้มหาศาล ก็ต้องบอกว่าความคิดนี้อาจใช้ได้เฉพาะในสมัยก่อนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันรายได้ของนักกีฬาไม่จำเป็นต้องมาพร้อมความดังอีกต่อไป อย่างนักกีฬาฟุตบอลถ้ามีการวางแผนการเงินและวางแผนอนาคตไว้ดี บอกเลยว่าก็สามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับตนเองได้เหมือนกัน คนหนึ่งที่เราอยากยกตัวอย่างก็คือ นักเตะของไทยเรา จากทีมอยุธยา ยูไนเต็ด นั่นคือ “แมท” ปิยะชาติ ถามะพันธ์ ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นอดีตนักเตะของอยุธยา ยูไนเต็ดไปแล้ว แม้ไม่มีชื่อเสียงโด่งดังถึงขั้นซุปเปอร์สตาร์ลูกหนังของไทย แต่รายได้ของเขาผู้นี้ก็รวยถึงขั้นมีทรัพย์สินส่วนตัวมากถึง 50 ล้านบาทกันเลยทีเดียว ลองไปดูเคล็ดลับของเขากันดีกว่าว่า มีวิธียังไงที่ทำให้รวยได้ขนาดนี้
เส้นทางชีวิตจริงไม่ได้ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะจัดการ
ก็ต้องบอกก่อนว่า “แมท” ปิยะชาติ ถามะพันธ์ ก็เป็นนักเตะอีกหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ด้วย เพราะทางอยุธยา ยูไนเต็ดได้ประกาศยกเลิกสัญญากับนักเตะของทีมตนเองทั้งทีม เพื่อประคองสโมสรเอาไว้ในช่วงโควิด เพื่อรอดูความแน่ชัดว่าลีกจะสามารถกลับมาเตะกันได้อีกครั้งเมื่อไหร่ เหตุนี้จึงทำให้ตอนนี้แมทกลายเป็นอดีตนักเตะของสโมสรนี้ไปแล้ว ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะตัดสินใจอย่างไรต่อไปเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น เพราะอายุของแมทเองก็ปาเข้าไป 34 ปีแล้ว ไม่ได้อยู่ในสมัยวัยรุ่นที่จะค้าแข้งได้อีกนาน แต่ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไรต่อไปในอาชีพ เรื่องรายได้ของเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะปัจจุบันรายได้ทรัพย์สินเงินเก็บทุกอย่างก็มีมากกว่าครึ่งร้อยล้าน แมทจึงเรียกว่าสบาย ๆ ในการตัดสินใจกับชีวิตในอนาคตพอสมควร
แต่กว่าที่เขาจะมาชิล ๆ กับอนาคตของตนเองได้ขนาดนี้ ใช่ว่าเส้นทางชีวิตการเป็นนักเตะของเขาจะราบเรียบ แมท ปิยะชาติ แท้จริงก็คือเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง เขามีพื้นเพเป็นคนอำนาจเจริญ ซึ่งจังหวัดของเขาถือว่ามีนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จที่เข้ามาเล่นถึงระดับทีมชาติน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่เขาก็ใช้ความน้อยนิดทุกอย่างที่มีค่อย ๆ นำมาเป็นแรงผลักดันของชีวิต ค่อย ๆ ก้าวไปกับเส้นทางนักฟุตบอลจากระดับโรงเรียน เข้าไปสู่การเป็นนักฟุตบอลของมหาวิทยาลัย ซึ่งจากตรงนั้นจึงทำให้เขาเริ่มมีรายได้ การที่เขาสร้างรายได้จากฟุตบอลตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยนั่นเองกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการบริหารจัดการชีวิตอย่างมีระบบของเขา
ไม่สำคัญว่าจะได้มากหรือน้อย แต่ต้องรู้จักบริหารเงิน
รายได้จากการเป็นนักฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัยอาจจะไม่มาก แต่เขาก็เริ่มต้นเก็บและจัดการใช้จ่ายอย่างเป็นระบบ มีการส่งให้ทางบ้าน และพอเริ่มเข้ามาเป็นนักฟุตบอลอาชีพรายได้สูงขึ้น เขาก็ยังจัดระบบการเงินของตนเองเช่นเดิม มีราย 100% จะเหลือเก็บไว้ใช้จ่ายของตนเอง 30% นอกนั้นก็จะส่งไปให้ทางบ้าน แต่เขาไม่ลืมที่จะกำชับกับทางบ้านไว้ว่า ให้แบ่งเงินบางส่วนเก็บไว้และไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์บ้าง คือเอาไปซื้อที่ดินและตึกแถวเอาไว้ที่บ้านเกิด เมื่อเวลาผ่านไป ความเจริญมากขึ้นที่ดินในบ้านเกิดก็ราคาสูงขึ้น จนทำให้ทางบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายที่ดิน เมื่อได้เงินมาอีกก้อน แมทก็เอาไปลงทุนซื้อที่ในกรุงเทพฯและเริ่มมีการลงทุนทำร้านกาแฟ และร้านขายอุปกรณ์กีฬา แต่เขาก็ไม่ลืมหาคนมาช่วยดูแล เพราะต้องการที่จะโฟกัสกับอาชีพหลัก แต่สิ่งเหล่านี้นี่แหละที่ทำให้เขามีรายได้เป็นหลักที่แน่นอน และมีรายได้เลี้ยงตัวอยู่ตลอดเวลา จนกลายเป็นนักเตะคนหนึ่งที่มีรายได้ทรัพย์สินสูงมากทีเดียว
นี่คือเคล็ดลับรวยเงียบของนักกีฬาคนหนึ่งที่รู้จักบริหารจัดการชีวิต วางแผนการเงินมาตั้งแต่วัยเด็ก และรู้จักที่จะนำเงินไปต่อยอดให้เกิดความมั่นคงทางการเงินมากยิ่งขึ้น นับเป็นแบบอย่างที่ดีที่น่าเรียนรู้จริง ๆ

Updated on September 21, 2020
กักตัวจนเซ็ง หางานอดิเรกอย่างทำอาหารเลิศรสกันดีกว่า
ด้วยเพราะสถานการณ์โควิด 19 ต้องทำให้หลาย ๆ อย่างหยุดชะงัก มีคำสั่งจากทางภาครัฐให้คนต้องอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ หลายคนที่เคยต้องออกไปทำงานทุกวัน ตอนนี้บริษัทหลายแห่งจึงปรับตัวให้พนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้ไม่ต้องมาทำงานทุกวัน หรือบางคนอาจโชคไม่ดีถูกลดเวลาการทำงาน ซึ่งหมายความว่าอาจเหลือวันทำงานจริงแค่ 4 วัน จาก 6 วันใน 1 สัปดาห์ พร้อมกับการปรับลดเงินเดือน การต้องกักตัวอยู่บ้านมากขึ้น และรายได้ที่ลดลงบางทีก็ทำให้เราฟุ้งซ่านได้เหมือนกัน ทางออกที่ดีที่จะไม่ทำให้เราจิตตกมากไปกว่านี้ ก็คือ การหางานอดิเรกทำ แล้วจะทำอะไรดีล่ะ ครั้งนี้เราจึงจะมาแนะนำงานอดิเรกที่น่าสนใจอย่างเช่นการทำอาหารนั่นเอง แต่เอ…แล้วจะทำเมนูไหนดีที่จะท้าทายความสามารถ ไปดูกันเลย
เมนูกุ้งมะนาว ความเปรี้ยวแซ่บกลมกล่อมที่ทำได้ไม่ยาก
หลายคนอาจชอบเมนูซีฟู้ดเป็นชีวิตจิตใจ และเมนูสไตล์นี้ก็สามารถทำขายได้สบาย ใครคิดถึงเมนูอาหารที่ใช้กุ้งเป็นวัตถุดิบที่เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแซบ ๆ ก็ควรจะต้องลองกับเมนูนี้ “กุ้งมะนาว” จะทำกินเองก็ง่าย จะทำขายก็สบาย ไปเข้าครัวกันเลยดีกว่า
ส่วนผสม
- กุ้งขาว ให้คุณแกะเปลือกผ่าหลังให้เรียบร้อย
- รากผักชีนำมาสับให้ละเอียดกะปริมาณสัก 3 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสับ
- กระเทียมสับ
- น้ำมะนาวใช้ปริมาณ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลาปริมาณเท่ากัน 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย
- ผักเครื่องเคียง อาจจะใช้เป็นคะน้าหรือแครอทก็ได้
ขั้นตอนการทำเมนูกุ้งมะนาว
- เริ่มต้นจากการลวกกุ้ง ซึ่งกระบวนการก็ง่าย ๆ แค่คุณตั้งน้ำให้เดือด นำกุ้งที่แกะผ่าหลังแล้วลงไปลวกในน้ำร้อนที่ต้มไว้ กะด้วยสายตาพอกุ้งเริ่มเปลี่ยนสี ก็ตักขึ้น ถ้าใครถนัดกะด้วยเวลา ก็ประมาณ 10 วินาทีก็เอากุ้งขึ้นได้ ข้อควรระวังก็คือ อย่าลวกนานเกินไป เพราะกุ้งสุกเกินไปจะหดตัว
- ขั้นตอนต่อมาก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในเมนูนี้ก็คือ การทำน้ำจิ้ม เมนูนี้จะอร่อยหรือไม่ก็อยู่ตรงนี้ด้วย ให้คุณนำน้ำมะนาวที่บีบเตรียมไว้แล้ว มาผสมกับน้ำปลา และน้ำตาลทราย ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วลองชิมรสดูก่อน ถ้ารสเปรี้ยวไป หวานไป เค็มไป ก็ให้คุณปรับโดยการใส่น้ำซุปที่ได้จากการลวกกุ้ง เพื่อลดความเข้มข้น จากนั้นให้เติมกระเทียมสับ รากผักชี และพริกขี้หนู ผสมทุกอย่างให้เข้ากันก็จะได้น้ำจิ้มซีฟู้ดสไตล์คุณ
- ผักนำไปล้างแล้วลวกสักเล็กน้อย เวลาเสิร์ฟก็มาพร้อมคู่กันกับผักลวกแค่นี้ก็ได้เมนูกุ้งมะนาวรสชาติเยี่ยมแล้ว
นี่คืองานอดิเรกที่น่าสนใจกับการทำเมนูอาหารง่าย ๆ อย่างกุ้งมะนาว จะทำไว้รับประทานเองช่วงอยู่บ้าน หรือ จะทำไว้ขายเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่งก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลว ใครอยู่ว่าง ๆ กลัวฟุ้งซ่านลองเข้าครัวทำเมนูง่าย ๆ นี้ดูก็ได้นะ

Updated on August 30, 2020
เริ่มต้นกับงานอดิเรกระหว่างอยู่บ้านกับ 2 เมนูติ่มซำที่ทำง่ายกว่าที่คิด
เชื่อว่าเมนูอาหารสไตล์จีนฮ่องกงอย่างติ่มซำ น่าจะเป็นเมนูในใจของใครหลาย ๆ คน แต่การจะไม่ซื้อหามารับประทานกันทุกวันก็คงจะไม่ไหว เพราะราคาก็ไม่เบาทีเดียว แต่หลายคนก็รู้สึกว่าว่าชอบเมนูนี้เพราะเป็นอาหารที่ทานง่ายเหมาะสมกับช่วงที่ต้องกักตัวอยู่กับบ้านเป็นส่วนใหญ่แบบนี้ และเนื่องจากสถานการณ์โควิดยังไม่หมดไปและยังคงไม่น่าไว้วางใจอยู่ การหางานอดิเรกอย่างการทำอาหารเพื่อแก้เบื่อแก้เหงาก็นับเป็นไอเดียที่เข้าท่าอยู่เหมือนกัน ดังนั้นในครั้งนี้เราจึงจะมาแนะนำ 2 เมนูติ่มซำทำง่ายให้คุณได้ลองไปฝึกทำและใช้เป็นงานอดิเรกทำยามว่าง ซึ่งรับรองเลยว่าไม่ยากเกินไป ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมาก แค่มีไมโครเวฟก็ทำได้แล้ว
ติ่มซำหมูสับไข่เค็ม สูตรไมโครเวฟ
ติ่มซำหมูสับไข่เค็มจัดว่าเป็นเมนูติ่มซำยามบ่ายที่หลายคนนิยมมาก หลัก ๆ แล้วก็จะใช้หมูสับหมักกับซอส นำมาปั้นเป็นก้อนให้กลม ๆ ปิดท้ายด้วยการวางไข่เค็มลงไป ก็จะได้เมนูสูตรอร่อยทานง่ายแล้ว ไปดูส่วนผสมและวิธีทำกัน
ส่วนผสม
- หมูสับ พระเอกของงานนี้ ใช้สัก 100 กรัมก็ได้
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายสักครึ่งช้อนชา
- น้ำมันหอย
- รากผักชี
- กระเทียมสัก 2 กลีบ
- พริกไทย
- แป้งมันสำปะหลังประมาณครึ่งช้อนชา
- ไข่เค็ม 2 ฟอง คัดเอาแต่ไข่แดง
ขั้นตอนการทำติ่มซำหมูสับไข่เค็ม
- เริ่มต้นจากตำรากผักชี พริกไทยและกระเทียมให้เข้ากัน
- ขั้นตอนต่อมาก็ให้นำหมูสับมาหมักกับเครื่องเทศที่ตำไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- จากนั้นใส่แป้งมัน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันหอยและน้ำตาลทราย เสร็จแล้วให้คลุกเครื่องปรุงต่าง ๆ ให้เข้าไปในเนื้อหมูสับ
- เมื่อส่วนผสมต่าง ๆ เข้ากันกับเนื้อหมูแล้วก็ให้นำเนื้อหมูมาปั้นเป็นก้อนกลม ขนาดเล็กใหญ่ก็แล้วแต่ชอบ จากนั้นวางไข่แดงเค็มที่หั่นครึ่งลงไปด้านบนของก้อนเนื้อหมู นำฝามาครอบแล้วก็นำเข้าไมโครเวฟได้เลย
- แค่นี้ก็จะได้ติ่มซำหมูสับไข่เค็มที่น่ารับประทานแล้ว
ติ่มซำหมูพันสาหร่าย
อีกหนึ่งเมนูที่หลายคนชอบกับติ่มซำหมูพันสาหร่าย ไปดูกันเลยว่ามีส่วนผสมอะไรที่ต้องเตรียมบ้าง
ส่วนผสม
- หมูบด หรือหมูสับ 300 กรัม
- สาหร่ายแผ่น
- น้ำมันงาใช้สัก 1 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาวประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย
- พริกไทย
- กระเทียม
- รากผักชี
- แป้งข้าวโพดประมาณ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย
- แครอตหั่นเต๋า
ขั้นตอนการทำติ่มซำหมูพันสาหร่าย
- นำเครื่องเทศอย่างรากผักชี กระเทียมพริกไทยและเครื่องปรุงต่าง ๆ ไปหมักผสมกับเนื้อหมูที่เตรียมไว้
- เติมแป้งมันลงไปสักเล็กน้อยเพื่อให้เนื้อหมูเกาะกัน
- นำเนื้อหมูที่ได้ไปวางบนสาหร่ายแผ่น จากนั้นห่อม้วนสาหร่ายให้กลมและตัดเป็นคำ ๆ ให้พอดีคำ
- นำเข้าไมโครเวฟ ใช้ความแรงของไฟอยู่ที่ประมาณ 800 วัตต์ เวลาก็อยู่ที่ประมาณ 4 นาที
- นำออกจากไมโครเวฟ ราดน้ำน้ำจิ้มหรือนำซอสก็เป็นอันเสร็จ
2 เมนูติ่มซำทำง่ายด้วยไมโครเวฟ จะทำเอาไว้รับประทานสังสรรค์กันในครอบครัว หรือใครอยากจะลองทำขายสร้างรายได้อีกทางหนึ่งในช่วงโควิดยังไม่จางแบบนี้ก็ได้ รับรองถูกใจทุกคนแน่นอน

Updated on August 20, 2020
ไม่ได้อวยแต่ชี้ให้เห็น หลุยส์ ซาฮา เทียบ “แรชฟอร์ด” จัดจ้านเท่า “เอ็มบั๊ปเป้”
มาร์คัส แรชฟอร์ด หัวหอกแห่งทีมผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งถือว่าเป็นนักเตะคนหนึ่งที่โชว์ฟอร์มดีฝีเท้าจัดจ้านไม่ธรรมดา จนทำให้หลุยส์ ซาฮา อดีตผู้เล่นกองหน้าจอมเก๋าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องออกมาเอ่ยปากชม และยังไม่ลืมที่จะเทียบชั้นฝีเท้าของมาร์คัส แรชฟอร์ดว่า ระดับทักษะความเทพไม่แพ้คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้เลยทีเดียว
“แรชฟอร์ด” และ “เอ็มบั๊ปเป้” ความเหมือนในความต่าง
สำหรับสองนักเตะอย่างมาร์คัส แรชฟอร์ด จากทีมผีแดงกับ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ จากทีมเปแอสเชนั้น หากจะว่าไปก็มีอะไรที่เหมือนและต่างกันอยู่ในที จริง ๆ ทั้งสองคนนั้นก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลระดับแถวหน้าในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ตำแหน่งที่เล่นก็เป็นกองหน้าจอมยิงประตูด้วยกันทั้งคู่อีก หลุยส์ ซาฮา ได้ให้ทัศนะไว้ว่า ทักษะเรื่องฟุตบอลและการเล่นเป็นกองหน้านั้น มาร์คัส แรชฟอร์ดไม่ได้ด้อยไปกว่าเอ็มบั๊ปเป้ ดาวยิงคนดังของฝรั่งเศสเลย ทั้งคู่เป็นคนที่เล่นเกมได้เร็ว ฝีเท้าดี สามารถที่จะกระชากบอลหลบกองหลังฝั่งตรงข้ามได้เร็วพอ ๆ กันด้วย อีกทั้ง ทั้งคู่ยังชอบที่จะกระชากบอลออกไปเล่นที่แนวข้างสนามเหมือนกันด้วย ใครจะเล่นกับสองคนนี้ บอกเลยว่าไม่ต้องคิดเยอะ แค่จ่ายบอลไปที่เขาเท่านั้น ที่เหลือ พวกเขาจะจัดการสานงานต่ออย่างสร้างสรรค์เอง
แต่อย่างไรก็ดี ระหว่างแรชฟอร์ดกับเอ็มบั๊ปเป้ก็มีความแตกต่างกันอยู่ในที นั่นคือดาวยิงของฝรั่งเศสนั้นมีความสมบูรณ์แบบในเรื่องของเพื่อนร่วมทีมที่รู้ใจและเข้าขากันได้มากกว่า นั่นจึงทำให้เอ็มบั๊ปเป้เล่นได้อย่างคงเส้นคงวา แสดงฝีเท้าได้ดูมีมาตรฐานกว่า เนื่องจากการเล่นจะไม่กดดันอะไร ดาวยิงจากฝรั่งเศสจึงแสดงฝีเท้ามีส่วนร่วมในเกมได้อย่างโดดเด่นตลอดเวลานั้นเอง นี่คือทัศนะจากหลุยส์ ซาฮา
เพื่อนร่วมทีมไม่ดี หรือ แรชฟอร์ด ยังจูนเข้ากับเพื่อนไม่ได้
ซาฮายังกล่าวต่อไปว่าแรชฟอร์ดก็มีความโดดเด่นในสไตล์ของตัวเอง เพียงแต่ว่าเขาเข้ามาในทีมผีแดงในช่วงที่ทีมต้องมีการเปลี่ยนผ่านอะไรหลาย ๆ อย่าง จึงทำให้ในตอนนี้ เขายังไม่สามารถจะปรับการเล่นให้สอดคล้องกลมกลืนและมีความลงตัวไปกับเพื่อน ๆ ในทีมได้ ซึ่งสิ่งที่แรชฟอร์ดทำดีอยู่แล้ว แต่ทีมผีแดงทั้งทีมจะต้องพยายามสร้างบริบทให้เขาได้โชว์ฟอร์มด้วย ในบางครั้งแรชฟอร์ดก็โชว์ความเด่นออกมาที่ดูจะไม่สอดคล้องกับทีม และในบางทีก็แถบจะดับไปเลยตลอด 90 นาที จึงมีอะไร ๆ อีกหลายอย่างที่ทีมทั้งทีมต้องปรับร่วมกัน ซึ่งหากทำได้ทีมผีแดงจะมีอะไรที่ลงตัวและเล่นได้ลื่นไหลกว่านี้อีกแน่นอน
ก็เรียกว่าเป็นทัศนะจากรุ่นพี่ถึงนักเตะดาวรุ่งรุ่นน้อง ที่มีทั้งความชื่นชมและให้คำแนะนำ ซึ่งก็ต้องจับตาดูกันไปว่า ศูนย์หน้าฝีเท้าดีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคนนี้จะมีปรับจูนกับการเล่นในทีมได้ดีอย่างที่ใคร ๆ วาดฝันไว้หรือไม่

Updated on August 9, 2020
เจอร์เก้น คล็อปป์ กับคำสัญญาว่าจะทำให้หงส์แดงผงาดอย่างที่ไม่เคยปรากฎ
ลิเวอร์พูล ก้าวเข้าสู่การเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ แม้ว่าพรีเมียร์ลีกจะยังไปจบฤดูกาลแข่งเลยก็ตาม นี่คือความสำเร็จที่นักเตะและแฟนหงส์แดงทั่วโลกต่างรอคอยวันนี้กันมาอย่างยาวนาน ซึ่งงานนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้เลยที่จะต้องยกเครดิตความดีความชอบนี้ให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือผู้เป็นนายใหญ่ของทีม ซึ่งเขาถือเป็นผู้จัดการทีมที่ทำให้ทีมฟุตบอลสามารถคว้าแชมป์ได้เร็วที่สุดคนหนึ่ง เพราะการแข่งของพรีเมียร์ลีกยังเหลืออีกตั้ง 7 เกม แต่นั่นก็ไม่มีผลอะไรเลยเพราะลิเวอร์พูลก็คว้าถ้วยไปครองอย่างสง่างามแล้ว
แค่ 4 ปีกับความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ของทีมหงส์แดง
ย้อนกลับไปปี 2015 นั่นเป็นปีแรกที่เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้รับการชักชวนให้เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้นำคนใหม่ของหงส์แดง ซึ่งเป็นการรับช่วงต่อจากเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ซึ่งทำผลงานไม่ได้น่าประทับใจแฟนบอลหงส์แดงเลย เพราะตอนนั้น ผลงานของลิเวอร์พูลก็ดูจะแย่เอามาก ๆ เพราะทีมรั้งอันดับ 10 ในตาราง การที่เจอร์เก้น คล็อปป์เข้ามาในช่วงนั้นจึงถือว่าเป็นการเข้ามากอบกู้ทีม สิ่งหนึ่งที่เป็นคำพูดของเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เชื่อว่าแฟนฟุตบอลลิเวอร์พูลจะต้องจดจำกันไปอีกนานและจะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของสโมสรหงส์แดงเลยก็คือ บทสัมภาษณ์ที่กุนซือผู้นี้ให้ไว้กับสื่อ เสมือนเป็นคำมั่นสัญญาที่เขาสัญญาไว้กับแฟน ๆ หงส์แดงว่า
“ได้โปรดให้เวลาพวกเราอีกสักนิด ผมมั่นใจว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า เราจะมาพบกันตรงนี้อีกครั้ง แต่วันนั้น จะเป็นวันที่ยิ่งใหญ่กว่าวันนี้ เพราะจะเป็นวันที่ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จได้คว้าแชมป์ แต่ถ้าหากวันนั้นไม่เกิดขึ้น ผมก็คงได้ไปคุมทีมลีกสักแห่งในสวิตเซอร์แลนด์”
น้ำตาของความอิ่มเอม
แม้จะไม่ใช่คำมั่นสัญญาที่ชัดเจนอะไร หรือให้ความมั่นใจได้มากมาย แต่ก็เป็นคำกล่าวที่สร้างความหวังให้กับแฟน ๆ หงส์แดงได้ไม่น้อย และในที่สุดแล้วเจอร์เก้น คล็อปป์ก็ทำตามที่เขาได้ลั่นวาจาไว้สำเร็จ จึงทำให้ช่วงเวลานี้กลายเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษของทีมลิเวอร์พูลและของแฟน ๆ ลิเวอร์พูลทั่วโลก ในส่วนเจอร์เก้น คล็อปป์ได้ถูกระดมคำถามมากมายจากสื่อเข้ามาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาแทบจะไม่มีคำกล่าวหรือบทสัมภาษณ์ใด ๆ นอกเสียจากน้ำตาแห่งความอิ่มเอม เขากล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “ขอให้ทุกคนฉลองกันอยู่แต่ที่บ้าน เพราะสถานการณ์ไวรัสยังไม่จางหาย แต่ผมก็รอ รอวันที่ผมจะได้ฉลองกับพวกคุณทุกคนอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดอีกครั้ง”
นี่เป็นความสำเร็จและผลงานที่น่าประทับใจมากสำหรับกุนซือคนนี้ สงครามไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนก็ตาม จะอาศัยนักรบที่เก่งอย่างเดียวไม่ได้จำเป็นจะต้องมีกุนซือที่ดี ที่จะคอยแนะนำแผนการกลยุทธ์และการจัดทัพให้ดีด้วย เหมือนอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ คนนี้ยังไงล่ะ

Updated on August 9, 2020
อยากไป Camping เตรียมตัวอย่างไรดี เคล็ดเที่ยวป่าเขาให้สนุก
หลายคนอาจจะมีไลฟ์สไตล์แบบเรียบ ๆ ปกติไปเที่ยวหรือเดินทางก็จะไปแบบที่ไม่หวือหวา ไม่ผจญภัยนัก แต่การเที่ยวแบบชิล ๆ เรื่อย ๆ บางทีก็อาจจะดูจำเจไป หากมีโอกาสไปเที่ยวสไตล์ Camping ไปเที่ยวป่าเขา หรืออุทยานบ้างก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากจะได้สนุกสนานในรูปแบบใหม่ ๆ แล้ว ก็ยังได้สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริงอีกด้วย แต่ใครที่ยังไม่เคยลองไปเที่ยวป่าตั้งแคมป์เลยก็อาจจะกังวลอยู่หน่อย ๆ ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรดี เพราะกลัวว่าถ้าไม่พร้อม ไปแล้วจะไม่สนุก เราจึงมีเคล็ดลับเล็ก ๆ มากฝาก
จะเที่ยวให้สนุก ต้องเริ่มต้นจากศึกษาและหาข้อมูลให้ชัวร์
การไปเที่ยวป่าเขา การออกไปตั้งแคมป์ แม้ฟังดูเข้าท่าน่าลอง แต่ก่อนจะไปสิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจและเรียนรู้ก่อนเลยก็คือ เรื่องของทำเลและสถานที่ที่จะไป รวมไปถึงเรื่องของเวลาและฤดูกาลด้วย บางสถานที่ในช่วงฤดูมรสุมก็ยังพอไปได้แม้จะเสี่ยงอยู่บ้าง แต่อาจเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างแล้ง ฝนมาช้า จึงยังคงพอไปตั้งแคมป์ช่วงสั้น ๆ กันได้ แต่บางที่พอเข้าฤดูฝนก็จะไม่สวยงามและเต็มไปด้วยอุปสรรค ซึ่งไปเจ้าหน้าที่อุทยานหรือคนนำทางก็คงไม่พาเราเข้าไปแน่นอนอยู่แล้ว ตรงนี้จึงจำเป็นที่คุณจะต้องมีข้อมูลพื้นฐานก่อนว่าการไปเที่ยวป่าเขา และจะไปตั้งแคมป์นั้น ปกติสถานที่ต่าง ๆ เขาไปกันช่วงไหนบ้าง ตอนนี้เราสามารถค้นหาข้อมูลตามอินเตอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย หรือจะหาเบอร์โทรเข้าไปสอบถามอุทยานต่าง ๆ โดยตรงเลยก็ได้ ก็จะทำให้ได้ข้อมูลที่ตรงและดีที่สุด
เตรียมพร้อมร่างกายและหาความรู้เรื่องการอยู่กับธรรมชาติ
เมื่อจะไปเที่ยวป่าเขา และต้องการอยู่กับธรรมชาติ ก็ควรปรับตัวเองให้เป็นธรรมชาติแบบจริง ๆ คือ การไปเที่ยวป่าเขาหรือการไป Camping ส่วนใหญ่แล้วก็จะต้องมีการเดินบุกป่าฝ่าดงพอสมควร แม้ว่าบางพื้นที่จะนำรถเข้าไปได้ก็ตาม แต่บางส่วนก็ต้องเดินเพื่อไปยังจุดที่ต้องการ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องมีการฟิตร่างกายให้แข็งแรงเอาไว้สักหน่อย เพื่อให้สามารถใช้แรงกายได้อย่างคล่องตัวไม่เหนื่อยง่ายจนเกินไป อีกสิ่งที่สำคัญจะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ การหาความรู้เรื่องการตั้งแคมป์ กางเต็นท์ การเก็บเต็นท์ ซี่งหลายคนคิดว่ามันง่าย แต่จริง ๆ แล้วไม่ง่ายเลยสำหรับคนไม่เคยทำ รวมไปถึงจะต้องรู้จักวิถีธรรมชาติ การอยู่กับป่า การสังเกตความผิดปกติต่าง ๆ ฝึกตนเองให้หูตาไว รู้จักที่จะมองสังเกตทางเดินและรอยเท้าของสัตว์ป่าต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองและหมู่คณะ สิ่งเหล่านี้เป็นการเรียนรู้ฝึกฝนเพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมกับการปรับสภาพการใช้ชีวิตอยู่ในป่านั่นเอง
การไปเที่ยวป่าเขาและ Camping ความสนุกสนานจริง ๆ ก็คือ การทิ้งชีวิตแบบคนเมืองออกไป และกลับไปสู่ความเป็นธรรมชาติดั้งเดิม ดังนั้น เมื่อชีวิตจะต้องสูญเสียความสะดวกสบายไปบ้าง เพื่อไปอยู่ในภาวะที่ไม่คุ้นเคย เราจึงต้องมีการเตรียมตัว ซึ่งถ้าเตรียมตัวได้อย่างที่บอกล่ะก็ คุณจะสนุกกับการเที่ยว Camping อย่างแน่นอน

Updated on July 26, 2020
ท่องเที่ยวทะเลแบบน่ารัก ที่ช่วยอนุรักษ์ท้องทะเลไทย คุณเองก็ทำได้
ท้องทะเลไทยเป็นสิ่งที่เป็นมรดกอย่างหนึ่งของแผ่นดินไทย เพราะนอกจากจะเต็มไปด้วยความสวยงามบริสุทธิ์ในแบบที่ธรรมชาติสรรสร้างแล้ว ใต้ท้องทะเลไทยยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ทะเลที่มีคุณค่า ทั้งที่เป็นอาหารให้มนุษย์และเป็นสิ่งที่จุนเจือระบบนิเวศให้คงสภาพความเป็นธรรมชาติอันมีคุณค่าแบบนี้อยู่มากมายด้วย แต่อย่างที่เราทราบกันว่าปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติของท้องทะเลไทยกำลังเผชิญวิกฤต เพราะเราเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวจนทำให้ธรรมชาติเกิดเสียสมดุล การท่องเที่ยวจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องผิดหรือเรื่องเสียหาย การท่องเที่ยวถือเป็นไลฟ์สไตล์ที่ดีที่จะทำให้เรามีความสุขและสามารถสร้างอาชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่ถ้าเราท่องเที่ยวกันแบบไม่ไม่รบกวนธรรมชาติของท้องทะเลก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าจริงไหม มาดูวิธีการท่องเที่ยวทะเลกันแบบน่ารัก ช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติของท้องทะเลกันดีกว่าว่าจะสามารถทำได้อย่างไรบ้าง
นักท่องเที่ยวทั่วไป
ถ้าคุณเป็นคนชอบเที่ยวทะเล แต่มีไลฟ์สไตล์การเที่ยวทะเลแบบทั่วไป คือ เล่นน้ำบ้าง เดินชายหาดบ้าง หาอะไรอร่อย ๆ แถวชายหาดกินบ้าง ไม่ได้ถึงขั้นเป็นนักดำน้ำ ก็อยากจะแนะนำวิธีท่องเที่ยวแบบไม่รบกวนธรรมชาติของท้องทะเลดังนี้
- อย่าเที่ยวทะเลแบบปลดปล่อย – แน่นอนว่าเราไปเที่ยวทะเลเพื่อต้องการผ่อนคลาย ปลดปล่อยอารมณ์ แต่ทว่าจงอย่าปลดปล่อยทุกอย่างทิ้งไว้ที่ทะเลหรือชายหาด เพราะบางคนที่ขยะ เศษอาหาร สิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ไว้ที่ท้องทะเลหรือชายหาดด้วย ปลดปล่อยแค่ความเครียดของคุณก็พอแต่อย่าปล่อยขยะและของเสีย
- เที่ยวทะเลแต่ไม่จำเป็นต้องมีของฝากจากทะเล – บางคนไปเที่ยวทะเล แล้วเจอสัตว์ทะเลบางชนิด หรือพืชทะเล ก็ถือโอกาสเก็บเอากลับบ้านด้วย ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างบาปอย่างหนึ่งแล้ว คุณยังมีส่วนทำลายระบบนิเวศของท้องทะเลด้วย ฉะนั้น อย่าไปรบกวนเขาเลย
- เที่ยวทะเลอย่างมีกฎ – กฎดังกล่าวชายหาดชายทะเลบางแห่งอาจไม่มีไว้เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน แต่คุณก็ต้องสร้างกฎเอาไว้ในใจ ว่าจะเป็นแค่ผู้มาเยือนที่ไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญใด ๆ ให้กับธรรมชาติอันสวยงาม เพียงเท่านี้ก็ถือว่าช่วยท้องทะเลได้แล้ว
นักดำน้ำ
หลายคนไปเที่ยวทะเล เพราะมีจุดประสงค์หลักคือไปดำน้ำ ปัจจุบันจึงมีแพคเกจทัวร์ดำน้ำกันมากมาย ซึ่งการจะไปเที่ยวดำน้ำที่ทะเล สิ่งที่ควรทำก็มีดังนี้
- ตั้งเป้าหมายให้เป็นนักสำรวจ – อย่าเข้าใจผิดว่าการไปเห็นโลกใต้ท้องทะเลแล้วเราจะมีสิทธิ์หยิบจับสัมผัสทุกอย่างใต้ทะเลที่เราเห็นได้ บางสิ่งบางอย่างเราไม่ควรไปแตะหรือสัมผัสเพราะจะเป็นการทำลายธรรมชาติที่สวยงามโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้น จงเป็นแค่นักสำรวจก็พอไม่ต้องเป็นนักสัมผัส
- ทำตามกฎและตามขั้นตอน – หลายคนพอได้ไปเที่ยวและรู้ว่าจะได้ดำน้ำก็ดีใจใหญ่ เวลาลงน้ำก็เลยนึกสนุก ละเลยการทำตามขั้นตอนการดำน้ำที่ถูกต้อง ซึ่งการทำเช่นนั้นนอกจากจะไม่ปลอดภัยต่อตนเองแล้ว ก็ยังเป็นการทำลายธรรมชาติใต้ท้องทะเลอีกแบบหนึ่งด้วย เพราะการที่คุณรีบทิ้งตัวลงไปในน้ำ น้ำหนักตัวของเราบวกกับอุปกรณ์ต่าง ๆ อาจไปกระทบถูกปะการัง หรือเท้าเราอาจไปเตะทรายใต้น้ำจนฟุ้งกระจายทำให้สัตว์น้ำตายได้เหมือนกัน ฉะนั้น จงตั้งสติก่อนที่จะลงดำน้ำทุกครั้งและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด
เหล่านี้คือวิธีการท่องเที่ยวทะเลอย่างน่ารัก เป็นการเที่ยวแบบช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติและความสวยงามของท้องทะเล ซึ่งหากคุณปฏิบัติได้ก็จะเป็นการเที่ยวที่ไม่รบกวนธรรมชาติ สามารถทำให้ความสมดุลของมนุษย์กับธรรมชาติเกิดขึ้นได้นั่นเอง